by Painnale organization, at Chiang Mai, At “The Plaza” building( third floor), Night Bazaar, Chang Klan Road, Chiang Mai
ถนนมิตรภาพถูกสร้างขึ้นในสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม
เป็นนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ พ.ศ. 2498
ในระยะแรกเส้นทางเริ่มต้นจากจังหวัดสระบุรีถึงนครราชสีมาระยะทาง 148 กิโลเมตร
โดยความร่วมมือของรัฐบาลไทยและสหรัฐอเมริกา จึงได้ถูกตั้งชื่อว่า “ถนนมิตรภาพ”
เพื่อแสดงถึงความเป็นมิตรระหว่างทั้งสองประเทศ ต่อมา พ.ศ. 2504
ได้สร้างถนนมิตรภาพต่อจากนคราชสีมาจนถึงหนองคายรวมระยะทาง 360 กิโลเมตร
ได้รับความช่วยเหลือจากองค์การบริหารวิเทศกิจแห่งสหรัฐอเมริกา (USOM)
ทำพิธีส่งมอบในช่วงที่ จอมพลถนอม กิตติขจร
เป็นนายกรัฐมนตรี และในพิธีเปิดใช้ถนนนายกรัฐมนตรีได้กล่าวกับราษฎรเอาไว้ว่า
“ถนนหนทางมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาประเทศ
ในท้องถิ่นใดก็ตามที่มีถนนไปถึง ความเจริญของท้องที่ การเพิ่มพูนขยายตัวของการทำมาหากินและรายได้ของประชาชนก็ย่อมจะบังเกิดเป็นเงาตามตัวมาด้วย
ทางหลวงสายนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อมวลชนและทรัพยากรในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างมาก
เพราะจะช่วยเชื่อมชุมนุมชน ไร่นา และตลาดในท้องที่สำคัญๆ หลายแห่ง
ให้ใกล้ชิดติดต่อกัน และจะเปิดทางเพื่อการพาณิชยกรรม อุตสาหกรรม และเกษตรกรรม
ดังเช่นที่ประจักษ์อยู่แล้ว
ในความเจริญทางเศรษฐกิจที่บังเกิดขึ้นกับอาณาบริเวณถนนมิตรภาพในเวลาอันไม่นานมานี้”
การสร้างถนนมิตรภาพนอกจากจะเป็นนโยบายการพัฒนาด้านสาธารณประโยชน์การคมนาคมแล้วการก่อสร้างถนนมิตรภาพนั้นเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐไทยกับอเมริกาซึ่งการเข้ามาของอเมริกานอกจากจะให้การสนับสนุนในการทำถนน
ยังมีการสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือในการสร้างแผนที่ทางอากาศโดยการใช้เครื่องมือที่ทันสมัย
ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงสงครามเย็นการที่ระบอบการปกครองแบบสังคมนิยมที่มีต้นทางจากโซเวียตและจีนในสมัยนั้นทำให้ดินแดนอินโดจีน
เช่น เขมร เวียดนาม ลาว ที่ติดชายแดนไทยมีการปกครองโดยคอมมิวนิสต์
ทางรัฐไทยและสหรัฐอเมริกามีความเป็นกังวลใจว่าชาวอีสานซึ่งมีเขตแดนติดกับประเทศเหล่านี้
และยังมีเชื้อสายเดิมเป็นชาวลาว จะมีความเอนเอียง
จึงได้หาวิธีในการที่จะให้ชาวอีสานเกิดความสำนึกในความเป็นไทยและยึดมั่นในระบอบการปกครองแบบตะวันตกนั่นก็คือประชาธิปไตย
นโยบายการพัฒนาต่าง ๆ จึงไหลบ่ามาทางภาคอีสานในยุคนี้ และเพื่อเป็นการสอดส่งดูพฤติกรรมของชาวอีสานและพื้นที่อื่น
ๆ ที่มีความเสี่ยง รัฐบาลจึงมีการสำรวจและจัดทำแผนที่ทางอากาศทุกที่ของประเทศ
การมอง “พื้นที่” ของภาคอีสานในช่วงนี้จึงเป็นการมองอีสานเป็นเพียง
“พื้นที่ทางยุทธศาสตร์” เพียงเพื่อหวังความมั่นคงและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของรัฐ
โดยรัฐยังไม่ให้ความสำคัญกับ “พื้นที่ของความเป็นคนอีสาน” อย่างแท้จริงทำให้การพัฒนาดังกล่าวขาดความเข้าใจ
ขาดความรู้ ขาดความร่วมมือที่แท้จริงจากภาคประชาชน
ถนนมิตรภาพที่สร้างขึ้นจึงมีนัยยะทางการเมืองแฝงอยู่
และถนนมิตรภาพเองยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต
โครงสร้างทางสังคมของชาวอีสาน เกิดการเปลี่ยนแปลงทางความเชื่อ ประเพณีดั้งเดิม
เปลี่ยนผ่านไปเป็นวิถีชีวิตของความเป็นเมือง ตามแบบอย่างทั้งการเมือง เศรษฐกิจ
และสังคม ที่รัฐไทยพยายามให้ทุกพื้นที่ในภาคอีสานเป็นอย่างประเทศทุนนิยมตะวันตก
ผู้สร้างสรรค์สร้างงานในรูปแบบ
วีดีโออาร์ต (Video Art) โดยใช้แผนที่ทางอากาศของจังหวัดขอนแก่นซึ่งเป็นตัวแทนของพื้นที่ที่รัฐไทยให้ความสำคัญกับการวางนโยบายการพัฒนาและแผนที่ดังกล่าวมีเส้นทางถนนมิตรภาพตัดผ่านชัดเจน
และใช้รูปทรงของถนนที่ก่อรูปขึ้นจากจุดเริ่มต้นด้านล่างของภาพไปสู่ด้านบนแล้วร่วงตกลงมา
การก่อรูปขึ้นของถนนมีลักษณะเป็นเส้นเหมือนการพุ่งทยายขึ้นของบั้งไฟ
และตกลงมายังพื้นเหมือนกัน รูปทรงองค์รวมที่เกิดขึ้นของเส้นมีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมเป็นสัญลักษณ์แทนความเชื่อ
และความศรัทธาเดิมของชาวอีสาน
วีดีโออีกส่วนหนึ่งที่นำมาตัดต่อร่วมกันคือวีดีโอเส้นของควันบั้งไฟที่ทยานขึ้นไปบนท้องและขณะเดียวกันก็ทยานลงมาในลักษณะที่สวนทางกัน
เพื่อทำให้ผลงานมีการรับรู้ที่มากขึ้นผู้สร้างสรรค์ยังได้นำเสียงมาใช้ในการตัดต่อร่วมด้วย
งานชิ้นนี้จึงประกอบด้วยภาพวีดีโอและเสียง
นำเสนอผลงานผ่านการฉายจากเครื่องฉายภาพลงบนจอรองรับโดยการจัดสถานที่ให้ผู้ชมงานได้มีระยะการชมที่เหมาะสมด้วยการใช้เก้าอี้เป็นตัวกำหนดระยะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น